top of page
รูปภาพนักเขียนPanida Karlsson

7 เคล็ดลับในการสื่อสารแนวทางการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณให้เป๊ะปังแบบมือโปร 🎨✨


การสื่อสารเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับนักออกแบบ UX แต่การอธิบาย "แนวทางการออกแบบ" ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองให้ทีม หรือลูกค้าเข้าใจ อาจดูน่าหนักใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ฟังไม่คุ้นเคยกับหลักการออกแบบ สิ่งสำคัญคือการอธิบายวิธีการทำงานของคุณในแบบที่ เชื่อมโยงกับคนฟังได้ บทความนี้จะพาคุณเจาะลึก 7 เคล็ดลับการสื่อสารแนวทางการออกแบบ UX พร้อมตัวอย่างจริงและเคล็ดลับที่นำไปใช้ได้ทันที หลังจากนี้ คุณจะสามารถอธิบายวิธีการทำงานได้อย่างมั่นใจและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับทีมและลูกค้าของคุณได้! 🚀


1. Define Your “Why” - อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการออกแบบของคุณให้ชัดเจน 🌟

ก่อนที่คุณจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการออกแบบ คำถามที่สำคัญคือ “ทำไมคุณถึงเลือกออกแบบแบบนี้?”

การบอก “เหตุผล” จะช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจว่าการออกแบบของคุณไม่ได้ทำขึ้นมาแบบไม่มีทิศทาง แต่มีการวางแผนและคิดลึกซึ้งมาแล้ว

ตัวอย่าง:

สมมติคุณกำลังออกแบบแอปที่ช่วยเสริมสร้างความรู้ด้านการเงินสำหรับคนรุ่นใหม่ แทนที่จะพูดว่า

“เราออกแบบ UI ให้เรียบง่าย”

ให้ลองอธิบายว่า

“เราออกแบบอินเทอร์เฟซให้เรียบง่ายเพื่อลดความซับซ้อนในข้อมูล ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจเนื้อหาได้โดยไม่รู้สึกกดดัน”

เคล็ดลับการปรับใช้:

  • สำหรับมือใหม่: เริ่มด้วยการตอบคำถามว่า “ฉันกำลังแก้ปัญหาอะไรให้ผู้ใช้?”

  • สำหรับมืออาชีพ: เชื่อมโยงการตัดสินใจของคุณกับข้อมูล เช่น “ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า 80% ของกลุ่มเป้าหมายของเราชอบการออกแบบที่เน้น Mobile-First”


2. Be Visual - ใช้ภาพเล่าเรื่องแทนคำพูด 🎨

การพูดเพียงอย่างเดียวมักจะไม่สามารถอธิบายรายละเอียดของการออกแบบได้ทั้งหมด การใช้เครื่องมือช่วย เช่น Figma, Miro หรือ Sketch สามารถทำให้ผู้ฟังเห็นภาพชัดเจนขึ้น และเข้าใจแนวคิดของคุณได้เร็วขึ้น

ตัวอย่าง:

หากคุณกำลังนำเสนอ User Journey สำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ แทนที่จะอธิบายด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว ลองแสดง Customer Journey Map ที่ระบุจุด Pain Point และ Touchpoint ของผู้ใช้ให้ทุกคนเห็น

เคล็ดลับการปรับใช้:

  • ใช้ Wireframe หรือ Prototype เพื่อแสดงให้เห็นขั้นตอนที่คุณคิด

  • ใส่สีหรือไอคอนในแผนภาพ เพื่อช่วยให้ผู้ฟังจับจุดสำคัญได้ง่ายขึ้น#VisualThinking #UXDesignTools #CustomerJourney


3. Tell a Story - การเล่าเรื่องช่วยเพิ่มความน่าสนใจ ❤️

การเล่าเรื่อง (Storytelling) เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้การอธิบายของคุณน่าสนใจและเชื่อมโยงกับผู้ฟังได้ง่ายขึ้น ลองเล่าถึงประสบการณ์จริงจากโปรเจกต์ที่ผ่านมาที่แสดงถึงวิธีการออกแบบของคุณ

ตัวอย่าง:

“ในโปรเจกต์ที่ผ่านมา เราเจอปัญหาว่าผู้ใช้ไม่เข้าใจฟีเจอร์สำคัญของแอป เราเลยเริ่มจากการทำ A/B Testing และพบว่าการใช้คำที่เข้าใจง่ายใน UI ช่วยเพิ่มการใช้งานฟีเจอร์นั้นขึ้นถึง 30%”

เคล็ดลับการปรับใช้:

  • จบเรื่องด้วยผลลัพธ์ที่สร้างแรงบันดาลใจ เช่น “หลังปรับ UI Conversion Rate ของเราเพิ่มขึ้น 20%”#UXStorytelling #RealImpact


4. Show Your Process - แสดงกระบวนการทำงานของคุณ 🛠️

อย่าเพิ่งพูดถึง “ผลงานสำเร็จ” เพียงอย่างเดียว ลองแสดงให้ทีมและลูกค้าเห็นว่า คุณทำงานอย่างไร

กระบวนการที่ชัดเจนจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฟัง

ตัวอย่าง:

“กระบวนการของฉันเริ่มจากการเก็บข้อมูลผู้ใช้ (User Research) สร้าง Wireframe และ Prototype เพื่อให้ทีมและลูกค้าทดลองใช้งานก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการพัฒนา”

เคล็ดลับการปรับใช้:

  • ใช้ Miro Board สร้าง Flow ของการทำงาน เช่น Research → Ideation → Prototyping → Testing#ProcessClarity #UXWorkflow


5. Be Open to Feedback - การรับฟังฟีดแบคช่วยสร้างทีมที่แข็งแรง 👂

การสื่อสารที่ดีไม่ใช่แค่ “พูด” แต่ต้อง “ฟัง” ด้วย การเปิดรับฟีดแบคช่วยให้คุณเห็นมุมมองใหม่ๆ และยังแสดงให้เห็นว่าคุณพร้อมพัฒนาตลอดเวลา

ตัวอย่างคำถาม:

  • “จุดนี้มีอะไรที่คุณคิดว่าเราสามารถปรับปรุงได้บ้าง?”

  • “คุณคิดว่าไอเดียนี้ใช้งานง่ายพอไหม?”

เคล็ดลับการปรับใช้:

อย่ากลัวที่จะรับคำวิจารณ์ เพราะนั่นคือโอกาสที่จะทำให้ UX ของคุณดียิ่งขึ้น


6. Highlight Your Unique Value - ชูจุดเด่นที่ทำให้คุณไม่เหมือนใคร 💎

ลองถามตัวเองว่า “อะไรคือสิ่งที่ทำให้การออกแบบของคุณพิเศษกว่าคนอื่น?” เช่น การเน้นการออกแบบที่ Inclusive หรือการแก้ปัญหาเฉพาะกลุ่ม

ตัวอย่าง:

“สิ่งที่ทำให้ฉันแตกต่างคือการใส่ใจใน Accessibility ฉันมั่นใจว่าทุกคนควรเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ แม้จะมีข้อจำกัดด้านใดก็ตาม”

เคล็ดลับการปรับใช้:

ใช้ตัวอย่างจริง เช่น การออกแบบ UI ที่รองรับผู้ใช้งานที่มีข้อจำกัดด้านการมองเห็น หรือ Mobility


7. Keep It Simple - ความเรียบง่ายคือคำตอบที่ดีที่สุด 🧘‍♀️

อย่าทำให้การอธิบายของคุณดูซับซ้อนจนเกินไป ใช้คำง่ายๆ และหลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิคที่ผู้ฟังอาจไม่เข้าใจ

เคล็ดลับการปรับใช้:

  • ใช้ Bullet Points

  • ใช้ตัวอย่างที่ชัดเจน

  • ยิ้มและเล่าเรื่องด้วยความมั่นใจ

ตัวอย่าง:

แทนที่จะพูดว่า “ฉันใช้ Design Thinking Framework ที่ซับซ้อน” ให้ลองพูดว่า

“ฉันเริ่มจากการฟังผู้ใช้ สำรวจ Pain Point แล้วพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์”


สรุป: การสื่อสารแนวทางการออกแบบของคุณอย่างมั่นใจ 🚀

การสื่อสารไม่ได้เกี่ยวกับแค่การบอกสิ่งที่คุณทำ แต่ต้องทำให้ผู้ฟัง “เห็นภาพ” และ “เชื่อ” ในความสามารถของคุณ ลองใช้ 7 เทคนิคนี้ในโปรเจกต์ถัดไป แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในการทำงานร่วมกับทีมและลูกค้าแน่นอนค่ะ! 🌟✨

ดู 2 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


bottom of page