top of page

เข้าใจ “10 Cognitive Biases” ให้ถึงแก่น – เคล็ดลับที่ช่วยให้การออกแบบ UX ตรงใจผู้ใช้จริงๆ! 💡🧠

รูปภาพนักเขียน: Panida KarlssonPanida Karlsson


เข้าใจ “10 Cognitive Biases” ให้ถึงแก่น – เคล็ดลับที่ช่วยให้การออกแบบ UX ตรงใจผู้ใช้จริงๆ! 💡🧠

สวัสดีค่า UX Designers ทุกคน! 👋 เคยสังเกตไหมคะว่าทำไมผู้ใช้บางทีถึงทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึง หรือตัดสินใจในแบบที่เราไม่เข้าใจ? จริงๆ แล้วทั้งหมดนี้มักเกิดจาก “Cognitive Biases” หรือความลำเอียงทางความคิดที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของพวกเขานั่นเองค่ะ! 🧠

วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 10 Cognitive Biases ที่ส่งผลต่อ UX Design และแถมตัวอย่างการใช้งานจริงพร้อมเทคนิคที่ทำให้คุณนำไปใช้ได้ในโปรเจกต์ของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร รับรองว่าบทความนี้จะทำให้คุณเข้าใจผู้ใช้ได้ดีขึ้น!


1. Anchoring Bias: ยึดติดกับข้อมูลแรกที่เห็น 📌

อธิบายแบบง่ายๆ:

Anchoring Bias เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ยึดติดกับข้อมูลแรกที่พวกเขาเห็น เช่น ราคาสินค้าที่สูงและจากนั้นเห็นว่ามีส่วนลด ทำให้รู้สึกว่าคุ้มมาก แม้ว่าราคาจะยังสูงอยู่!

ตัวอย่างใน UX Design:

แสดงราคาสินค้าตั้งต้นให้สูงหน่อย แล้วค่อยโชว์ราคาที่ลดลงมาให้ดูคุ้มค่า เช่น “จาก 1,000 บาท เหลือเพียง 700 บาท!” แค่เท่านี้ผู้ใช้ก็จะรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาด!

วิธีนำไปใช้:

ใส่ราคาปกติให้ผู้ใช้เห็นก่อน แล้วทำให้ข้อเสนอหรือส่วนลดดูน่าคุ้มค่ามากขึ้น #AnchoringBias #UXPsychology


2. Confirmation Bias: อยากเห็นอะไรที่ตรงกับความเชื่อของเรา ✅

อธิบายแบบง่ายๆ:

มนุษย์เรามักชอบฟังหรือเชื่อสิ่งที่ตรงกับความเชื่อของตัวเองอยู่แล้ว เช่น ถ้าผู้ใช้เชื่อว่าการมีแอปสุขภาพจะทำให้ชีวิตดีขึ้น พวกเขาก็จะหาข้อมูลที่สนับสนุนความคิดนี้ค่ะ!

ตัวอย่างใน UX Design:

ในแอปสุขภาพ แสดงคำแนะนำหรือรีวิวจากผู้ใช้ที่ได้รับผลลัพธ์ดีๆ เพื่อสนับสนุนความเชื่อของผู้ใช้นั้น

วิธีนำไปใช้:

แสดงข้อมูลหรือรีวิวที่ตรงกับความต้องการหรือความเชื่อของผู้ใช้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจและผูกพันกับแอป #ConfirmationBias #UserTrust


3. Recency Bias: จำแต่ข้อมูลล่าสุด 🔄

อธิบายแบบง่ายๆ:

คนเรามักจะจำข้อมูลล่าสุดได้ดีกว่าข้อมูลเก่าๆ ดังนั้นข้อมูลที่คุณแสดงไว้ท้ายๆ มีโอกาสสูงที่ผู้ใช้จะจำได้มากขึ้น

ตัวอย่างใน UX Design:

แสดงข้อมูลโปรโมชั่นหรือฟีเจอร์ใหม่ในตำแหน่งท้ายๆ เช่น การใส่แบนเนอร์โปรโมชั่นท้ายหน้า เพื่อให้ผู้ใช้เห็นก่อนจะปิดหน้าออก

วิธีนำไปใช้:

จัดวางข้อมูลที่สำคัญในตำแหน่งที่ผู้ใช้เห็นบ่อย เช่น โฆษณาโปรโมชันด้านล่างหรือ pop-up สุดท้ายเพื่อกระตุ้นการจดจำ #RecencyBias #UXMemorability


4. Loss Aversion: กลัวเสียมากกว่าจะอยากได้ 🛑

อธิบายแบบง่ายๆ:

มนุษย์กลัวการสูญเสียมากกว่าความต้องการในการได้อะไรเพิ่มค่ะ เช่น การกลัวว่าจะพลาดโปรโมชันดีๆ (FOMO) เป็นตัวอย่างของ Loss Aversion

ตัวอย่างใน UX Design:

ใช้ข้อความอย่าง “เหลือเพียง 2 ชิ้นเท่านั้น!” หรือ “โปรโมชันนี้จะหมดภายใน 24 ชั่วโมง!” เพื่อทำให้ผู้ใช้รู้สึกต้องรีบตัดสินใจ

วิธีนำไปใช้:

แสดงข้อความที่ให้รู้สึกว่าต้องรีบตัดสินใจ เช่น “โปรโมชันจะหมดในอีก X วัน” #LossAversion #ConversionRate


5. The Bandwagon Effect: ตามเทรนด์ไปกับคนอื่นๆ 🚋

อธิบายแบบง่ายๆ:

ถ้าเราเห็นคนอื่นๆ ทำบางอย่างเยอะๆ ก็จะรู้สึกอยากทำตามไปด้วย เพราะมันดูน่าสนใจและปลอดภัยขึ้น

ตัวอย่างใน UX Design:

แสดงรีวิวหรือยอดการใช้ของผู้ใช้เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เช่น “ผู้ใช้กว่า 10,000 คนพอใจ” จะทำให้ผู้ใช้ใหม่รู้สึกมั่นใจตามไปด้วย

วิธีนำไปใช้:

เน้นให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ #BandwagonEffect #SocialProof


6. The Halo Effect: ถ้าสิ่งนี้ดี สิ่งอื่นก็น่าจะดีด้วย ✨

อธิบายแบบง่ายๆ:

เมื่อผู้ใช้ประทับใจในบางสิ่งที่ดีในแอป ก็จะรู้สึกว่าสิ่งอื่นๆ ในแอปดีตามไปด้วยค่ะ เช่น ถ้าดีไซน์หน้าแรกสวย ก็จะรู้สึกว่าแอปทั้งหมดดีและมีคุณภาพ

ตัวอย่างใน UX Design:

ออกแบบหน้าแรกให้ดูสะอาดและมืออาชีพ จะทำให้ผู้ใช้รู้สึกดีและประทับใจตั้งแต่แรกเห็น

วิธีนำไปใช้:

สร้างความประทับใจแรกใน UX ให้ดีและมีคุณภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจ #HaloEffect #UXImpression


7. IKEA Effect: สิ่งที่เราลงแรงทำเอง จะรู้สึกผูกพัน 🛠️

อธิบายแบบง่ายๆ:

คนเรามักจะรู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่เขามีส่วนร่วมในการสร้างหรือปรับแต่งเอง เช่น การสร้างโปรไฟล์หรือกำหนดการใช้งานแอปเอง

ตัวอย่างใน UX Design:

ให้ผู้ใช้ปรับแต่งแอปของตัวเองได้ เช่น เลือกธีมสีหรือปรับแต่งข้อมูลในโปรไฟล์ ทำให้รู้สึกว่าแอปเป็นของพวกเขา

วิธีนำไปใช้:

ให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการสร้างประสบการณ์ในแอป เช่น การปรับแต่งการแสดงผลหรือธีม #IKEABias #UserCustomization


8. Status Quo Bias: รักสิ่งที่คุ้นเคย 😌

อธิบายแบบง่ายๆ:

ผู้ใช้มักชอบสิ่งที่เขาคุ้นเคย หากมีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกไม่สะดวกหรือไม่สบายใจ

ตัวอย่างใน UX Design:

หากต้องการเปลี่ยนดีไซน์ UX ควรทำเป็นการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กๆ เพื่อให้ผู้ใช้คุ้นเคยได้ทัน

วิธีนำไปใช้:

ปรับ UX ทีละเล็กๆ เพื่อไม่ให้ผู้ใช้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหัน #StatusQuoBias #ChangeManagement


9. Availability Heuristic: สิ่งที่เห็นบ่อย จะถูกมองว่าสำคัญ 💡

อธิบายแบบง่ายๆ:

ผู้ใช้มักจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่พวกเขาเห็นบ่อยๆ การแสดงข้อมูลที่ต้องการเน้นให้ผู้ใช้เห็นซ้ำๆ ช่วยเพิ่มความสำคัญ

ตัวอย่างใน UX Design:

แสดงฟีเจอร์ที่ต้องการให้ผู้ใช้ใช้งานบ่อยๆ ในตำแหน่งที่ผู้ใช้เห็นง่าย เช่น การแสดงโปรโมชั่นหรือฟีเจอร์ใหม่บ่อยๆ

วิธีนำไปใช้:

นำเสนอข้อมูลหรือฟีเจอร์สำคัญในตำแหน่งที่เห็นง่ายและสม่ำเสมอ #AvailabilityHeuristic #UserAttention


สรุป: การเข้าใจ Cognitive Biases เพื่อการออกแบบ UX ที่ตอบโจทย์! 🌟

การเข้าใจ Cognitive Biases จะช่วยให้เราสร้าง UX ที่ตรงกับพฤติกรรมและการตัดสินใจของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ดูค่ะ แล้วคุณจะเห็นการตอบสนองที่ดีจากผู้ใช้


สนใจเรียนรู้เพิ่มเติม? ดู Cognitive Bias Cheat Sheet 📚

อยากรู้จัก Cognitive Biases เพิ่มเติม ลองดู Cognitive Bias Cheat Sheet ของ Better Humans แล้วพบกับเนื้อหาที่เข้าใจง่ายและนำไปปรับใช้ได้จริง! #CognitiveBias #UXDesign #UXPsychology

ดู 1 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comentários


bottom of page